ประเภทของเหล็ก
เหล็กโดยเฉพาะที่ใช้งานอุตสาหกรรม แบ่งเป็นกลุ่มใหญ่ได้ 2 ประเภท คือ เหล็กหล่อ (Cast Iron) และ เหล็กกล้า (Steel) ซึ่ง 2 กลุ่มนี้ก็ยังสามารถแบ่งแยกย่อยและเลือกใช้งานตามคุณสมบัติของเหล็กที่แตกต่างกันไปได้อีก ดังนี้
1. เหล็กหล่อ (Cast Iron)
เป็นเหล็กที่ใช้วิธีการขึ้นรูปด้วยการหล่อขึ้นมา ซึ่งจะมีปริมาณของธาตุคาร์บอนประมาณ 1.7-2% จึงทำให้เหล็กมีความแข็ง แต่ในขณะเดียวกันก็มีความเปราะ และด้วยเหตุนี้จึงทำให้เหล็กหล่อ สามารถขึ้นรูปได้แค่วิธีการหล่อวิธีเดียวเท่านั้น ไม่สามารถขึ้นรูปด้วยการรีดหรือวิธีการอื่นๆ ได้ นอกจากนี้เหล็กหล่อ ก็สามารถแบ่งย่อยๆ ได้ดังนี้
-เหล็กหล่อขาว เป็นเหล็กที่มีความแข็งแรงทนทานสูง สามารถทนต่อการเสียดสีได้ดี แต่จะเปราะจึงแตกหักได้ง่าย โดยเหล็กหล่อประเภทนี้ จะมีปริมาณของซิลิคอนต่ำกว่าเหล็กหล่อเทา ทั้งมีคาร์บอนอยู่ในรูปของคาร์ไบด์ของเหล็กหรือที่เรียกกว่า ซีเมนไตต์
-เหล็กหล่อเทา เป็นเหล็กหล่อที่มีโครงสร้างคาร์บอนในรูปของกราฟไฟต์ เพราะมีคาร์บอนและซิลิคอนเป็นส่วนประกอบสูงมาก
-เหล็กหล่ออบเหนียว เป็นเหล็กที่ผ่านกระบวนการอบเพื่อให้ได้คาร์บอนในโครงสร้างคาร์ไบด์แตกตัวมารวมกับกราฟไฟต์เม็ดกลม และกลายเป็นเฟอร์ไรด์หรือเพิร์ลไลต์ ซึ่งก็จะมีคุณสมบัติที่เหนียวแน่นกว่าเหล็กหล่อขาวเป็นอย่างมาก ทั้งได้รับความนิยมในการนำมาใช้งานที่สุด
-เหล็กหล่อโลหะผสม เป็นประเภทของเหล็กที่มีการเติมธาตุผสมเข้าไปหลายอย่างด้วยกัน ซึ่งก็จะช่วยปรับปรุงคุณสมบัติของเหล็กให้ดีขึ้น โดยเฉพาะการทนต่อความร้อนและการต้านทานต่อแรงเสียดสีที่เกิดขึ้น เหล็กหล่อประเภทนี้จึงนิยมใช้ในงานที่ต้องสัมผัสกับความร้อน
2. เหล็กกล้า (Steel)
เป็นเหล็กที่มีความเหนียวแน่นมากกว่าเหล็กหล่อ ทั้งสามารถขึ้นรูปด้วยวิธีทางกลได้ จึงทำให้เหล็กชนิดนี้ นิยมถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายและกว้างขวางมากขึ้น ตัวอย่างเหล็กกล้าที่มักจะพบได้บ่อยๆ ในชีวิตประจำวัน คือ เหล็กแผ่น เหล็กโครงรถยนต์หรือเหล็กเส้น เป็นต้น นอกจากนี้คาร์บอนก็สามารถแบ่งได้เป็นกลุ่มย่อยๆ ดังนี้
-เหล็กเส้นคอนกรีตเหล็กเส้นกลม เหล็กกล้าผ่านการรีดร้อน มีลักษณะเป็นเส้นผิวเรียบ มีขนาดและเส้นผ่านศูนย์กลางให้เลือกหลากหลาย นิยมใช้ในงานก่อสร้าง อย่าง งานก่อผนัง เหล็กปลอกตามคาน เสา ฯลฯ ส่วนใหญ่เหล็กประเภทนี้จะเป็นเหล็กเกรด SR24
-เหล็กข้ออ้อย เหล็กกล้าที่ถูกนำมาทำเป็นเส้นรอบนอกคล้ายเกลียวล้อมรอบ มีขนาดและเส้นผ่านศูนย์กลางให้เลือกหลากหลายเช่นกัน มักถูกนำไปใช้ในงานอุตสาหกรรมประเภทก่อสร้างเสริมคอนกรีตที่ต้องการความแข็งแรงสูงกว่าเหล็กเส้นกลม เช่น สร้างอาคาร เขื่อน สะพาน ฯลฯ เหล็กประเภทนี้มักเป็นเหล็กกล้าเกรด SD30 - SD50
-เหล็กกล้าตีเกลียว เส้นเหล็กประเภทนี้หน้าตาจะค่อนข้างโดดเด่น เหมือนมีเส้นเหล็กเล็กๆ หลายเส้นมารวมกันจนเป็นเส้นหนา (เส้นเหล็กเหล่านั้นคือเส้นเหล็กคาร์บอนสูงมากกว่า 2 เส้น) ส่วนใหญ่มักถูกหยิบไปใช้ในงานก่อสร้างอุตสาหกรรมเช่นกัน
-เหล็กรูปพรรณ เหล็กประเภทนี้จะขึ้นรูปมาสำเร็จพร้อมนำไปใช้งานต่อได้ทันที โดยการนำเหล็กแผ่นหรือเหล็กก้อนไปผ่านกระบวนการรีดร้อน เช่น ตัดเฉือน ขึ้นรูป ลากขึ้นรูป ฯลฯ ที่อุณหภูมิสูงถึงหลักพันองศาขึ้นไป
-เหล็กแผ่นมีลวดลาย เชื่อว่า หลายท่านน่าจะเคยเห็นเหล็กบนพื้นที่มีลวดลาย อย่าง เหล็กตีนไก่ ลายดอก ฯลฯ ผ่านตากันบ้าง เหล็กพวกนี้ก็ถือเป็นแผ่นเหล็กกล้าผ่านการปั๊ม นิยมนำไปใช้ติดบนทางเดินหรือพื้นรถบรรทุก เพื่อป้องกันการลื่นหรือน้ำขัง
-เหล็กแผ่นแบน เหล็กกล้าแผ่นแบนผิวหนาเรียบ มีขนาดและความหนาให้เลือกหลากหลาย หากใช้เหล็ก เหล็ก SKD11 คุณสมบัติ จะสามารถทนต่อแรงตึงสูง มักนำไปใช้เป็นลูกรีด ใบมีดตัดเหล็ก แม่พิมพ์ปั๊มขึ้นรูป ฯลฯ
-ท่อเหล็ก มีทั้งท่อเหล็กแป๊ปน้ำ อาบสังกะสีป้องกันสนิม ใช้สำหรับท่อลำเลียง งานเดินสายไฟ ขึ้นรูปต่างๆ ที่ต้องการความทนทาน อย่างกลางแจ้งหรือใกล้ทะเล ฯลฯ และท่อเหล็กดำ ใช้สำหรับ ท่อประปา ลำเลียง โครงสร้าง ทั่วไป
-เหล็กรูปพรรณรีดร้อน มีทั้งเหล็กโครงสร้างรูปตัว C H I, เหล็กฉาก สำหรับโครงสร้างอาคาร/ขนาดเล็ก โครงสร้างเบาะรถยนต์ ชั้นวางต่างๆ, เหล็กรางน้ำ หรือ เหล็กฉากพับ งานโครงสร้างและก่อสร้างต่างๆ
-เหล็กรูปพรรณรีดเย็น เหล็กรูปพรรณในรูปแบบต่างๆ หลังผ่านการรีดร้อนจนเป็นรูปร่างแล้วนำมารีดเย็น เพื่อเพิ่มความเรียบ แข็งแรงทนทาน แต่คุณสมบัติในส่วนของความเหนียวและยืดหยุ่นอาจลดลง